วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เนื้อเพลง ตัวร้ายที่รักเธอ (ทศกัณฐ์) ไ่ทย-อังกฤษ เวอร์ชั่น โดยครูโอ๊ตและครูบรู๊ซ

สวัสดีครับ

ครูโอ๊ต ชานุกฤต เธียรกัลยา และครูบรู๊ซ ไร้ท ได้แปลและเรียบเรียงเพลงนี้ให้เป็นภาษาอังกฤษ โดยคิดถึงความสละสลวยของคำ ภาษา พยายามให้มีสัมผัสใน สัมผัสนอกเท่าที่จะทำได้นะครับ โชคดีได้ครูบรู๊ซ ไร้ท เจ้าของภาษาช่วยร่วมแปลด้วย ทำให้เพลงนี่้ในเวอรชั่นภาษาอังกฤษนี้เพราะยิ่งขึ้นครับ โดยเราพยายามคงความหมายของต้นฉบับให้ได้มากที่สุดครับ และหาคำให้เข้ากับพยางค์ของต้นฉบับครับ ….นั่งแปลกันหลายชั่วโมงด้วยความสนุกครับเพราะมัวแต่คิดและหาคำสวยๆ ความหมายๆดีๆมาให้ผู้สนใจได้เรียนรู้กันครับ ถ้าชอบ ครูโอ๊ตฝากกด like กด share กันด้วยนะครับ …ขอบคุณครับ …ครูโอ๊ต 
#kruoat #ตัวร้ายที่รักเธอ #ทศกัณฐ์ #แปล #อังกฤษ #เพลงไทย #เนื้อเพลง  

เนื้อเพลง ตัวร้ายที่รักเธอ English version ของ ทศกัณฐ์
แปลและเรียบเรียงเป็นภาษาอังกฤษโดย ครูโอ๊ต ชานุกฤต #kruoat และครูบรู๊ซ ไร้ท ทำดีกับเธอเท่าไร เธอก็ไม่เคยหันมาเหลียวแล Though I’ve been good to you, you have been so cold to me.

ไม่เคยที่จะแยแส ไม่เคยที่จะสนใจ You never noticed me, nor did you ever see.

ไม่เคยที่จะสงสาร ไม่เคยที่จะเห็นใจ No sympathy you showed. Your heart remained stone-cold.

ก็เรามันเป็นตัวร้าย ที่ไม่มีใครเขาอยากจำ A bad guy’s all they see. No-one ever thinks of me.

ก็รู้ ว่าคงสู้เขาไม่ไหว สุดท้ายก็พ่ายแพ้อยู่ดี I know that I’m no match for him. I’ll lose at the end of the day.

ดังทศกัญฐ์ ที่พ่ายแพ้พระรามทุกที  
Like Tod-sa-kan defeated by Praram,

ให้ดีแค่ไหน ก็ไม่ได้ใจสีดา 
Not good enough to ever win Sida.

ถึงกูจะร้าย กูก็รักไม่น้อยกว่าเขา Though wretch I be, I love you no less than he.

แล้วเหตุใดเล่า จึงเป็นตัวเราที่แพ้เสมอ So tell me why the one to lose is always me.

ทุกๆอย่าง ทุกการกระทำ เพียงหวังให้เธอ All I’ve said and done for you has been one hope

หันมาเจอะเจอ หันมาจ้องมองและลองสนใจ Someday some way, you just may turn your gaze on me.

และตอนสุดท้ายก็คงต้องตายในตอนจบ And on that day, last day my soul returns home.

ไม่มีใครคบ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครสนใจ Unknown Unloved Unseen bereft (เบอะเรฟ) and just so alone.

ถึงกูจะร้ายแต่ก็รักเธอจนสุดหัวใจ Wretch I may be, but you don’t see, my heart is true.

อยากให้รู้ไว้ ถึงฉันจะร้ายแต่ก็รักเธอ My dying breath shall swear that I love only you. Vocab: 1. cold (adj.) & stone-cold (adj.) = unfeeling เฉยชา 2. no match = can’t compete สู้ เทียบเขาไม่ได้ 3. defeat (v.) = win beat ชนะ 4. wretch [เรทซ] (n.) = a very bad, hateful person คนไม่ดี คนที่มีแต่คนเกลียด คนน่าสงสาร 5. gaze (n.) = a long look จ้องมองนานๆ 6. my soul returns home = pass away ตาย เสียชีวิต 7. bereft (adj.) = 1. nothing left, lacking ไม่เหลืออะไรเลย
2. sad, alone, lonely, no friend เศร้า โดนเดี่ยว ไม่มีเพื่อน

ถ้ามีใครเอาไปแชร์รบกวนให้เครดิตด้วยนะคร้าบ เพราะใช้เวลาและความตั้งใจในการแปลมากๆครับ :)
ขอบคุณครับ


วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ภูมิใจกับการเป็นลูกบดินทร เป็นผู้ประพฤติดีและมีความรู้ งานคืนบดินทร์ 2558

มิตรภาพและความรัก ความสัมพันธ์ของเพื่อนบดินทร์ห้อง 5/15 ไม่มีวันลืมเลือน

ครูโอ๊ตดีใจมากๆที่ได้กลับไปเยือนสถานบันการศึกษาที่เป็นหนึ่งในโรงเรียนดีที่สุดในประเทศไทย 

เจ้าพระยาบดินเดชา ที่ทุกคนรักและเคารพเทิดทูนท่าน มิเสื่อมคลาย

ครูบาอาจารย์ที่คอยประสิทธิ์ประสาทวิชาให้มีความรู้และความดี จนถึงทุกวันนี้

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2558 

ครูโอ๊ตเพิ่งหายจากการเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่ด้วยความที่คิดถึงและอยากกลับไปเยี่ยมโรงเรียนที่รัก จึงพยายามออกจากบ้านและมุ่งหน้าสู่โรงเรียนบดินเดชา (สิงห์ สิงหเสนีย์) ด้วยใจที่ตื่นเต้นและเต็มร้อย

ครูโอ๊ตเป็นศิษย์เก่าบดินทรเดชา รุ่น 23 (รุ่นโก้ ธีรศักดิ์ และนุ๊ก สุทธิดา) ผมอยู่สายวิทย์ คณิต
ห้อง 15 (ห้องควีน) และมีเพื่อนที่เก่งมากๆๆๆๆๆ เป็นหมอ เป็นวิศวะกันเยอะมาก
รุ่นนั้นเป็นรุ่นที่มีการสอบเทียบ เรียกได้ว่า ห้อง 5/15 ของเราไปกันเกือบยกห้อง 

เมื่อผมตัดสินใจ มุ่งมั่นอยากจะเป็นครู ผมเคยตั้งคิดไว้ว่า หากผมมีโอกาสจะกลับมามอบความรู้และประสบการณ์ที่มี เพื่อที่จะได้สั่งสอนรุ่นน้องบดินทรให้เก่งและเป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ

ยิ่งวันที่นั่น เจออาจารย์คุณหญิงลักขณา แสงสนิท ท่านกล่าวว่า "ครูโอ๊ต เธอน่าจะกลับมาสอนที่บดินทรนะ มาพัฒนาโรงเรียนของเราให้ดี และเธอน่าจะเป็นครูที่ดี สอนสนุก เด็กๆคงรักและชอบภาษาอังกฤษมากขึ้น" หัวใจผมยิ่งพองโต และอยากมีโอกาสสักครั้งในการเป็นครูภาษาอังกฤษที่ดีของโรงเรียน

ผมไม่รู้ว่า โอกาสนั้นมันจะมาเมื่อไหร่ ผมได้แต่เตรียมความพร้อม และหวังว่าโอกาสนั้นจะมาถึงในไม่ช้า แม้ว่าผมจะเป็น ครูฝึกสอนก็ยังดี เพราะมันทำให้ผมได้ทำตามความคิดและคำกล่าวของคุณหญิงลักขณา รวมทั้งพิสูจน์ตนเองให้ตั้งมั่นอยู่ในความดี และมอบความรู้ที่มีให้กับลูกบดินทุกคน 

ผมเฝ้าเปิดในเวปไซด์ของโรงเรียนอยู่บ่อยๆ เห็นความก้าวหน้าของนักเรียน โรงเรียนและคุณครูที่ดี มีประสิทธิภาพ ยิ่งทำให้ผมรักโรงเรียนมากขึ้น

ขอบคุณคุณครูทุกท่านที่สั่งสอนผมมา 
ขอบคุณบดินทรเดชา ที่ทำให้ผมมีวันนี้
ขอบคุณเพื่อนๆที่ดี และมิตรภาพที่ไม่เสื่อมคลาย 
ผมสัญญาว่า ถ้าผมมีโอกาส ผมจะกลับมารับใช้โรงเรียนที่รักของผมอย่างสุดความสามารถครับ

ครูโอ๊ต ชานุกฤต เธียรกัลยา
#bodin23

ครูโอ๊ต (ยืนด้านบนขวาคู่กับนร. AFS สันติ) กับเพื่อนๆห้อง 5/15 ในวันเกือบสุดท้ายของการเรียน


ครูโอ๊ต (ยืนหลังครู) กับเพืื่อนๆบดินทรห้อง 5/15 

23 ปีผ่านไป (ตอนเขียนบล๊อคนี้ปี 2559  ครูโอ๊ตเรียนจบบดินทรปี 2536 รุ่น 23) 
ได้กลับมายืนที่สถาบันที่เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย







ครูโอ๊ตและเพื่อนๆได้มีโอกาสกราบคุณหญิงลักขณา ผอ.ในช่วงที่เราเรียนอยู่















วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Kru Oat Chanukrit Thienkalaya: Teaching Changes Lives #oxford

Q1:  Introduce yourself.

SA-WAD-DEE KUB

My name is Chanukrit Thieknalaya, but everyone calls me “Kru Oat”.


Nine years ago, I made a really important decision that would affect for the rest of my life.   I decided to leave behind the suit-and-tie and follow my dream.   I didn’t know what it would be like at that time.  My family was a bit worried.  But for me, it was the beginning of the happiest time in my life.

I’ve been teaching English for four years now.  I teach all kinds of subjects within ESL, ranging from pronunciation to being a teacher trainer. 

My students are from grade 4 to grade 12, and all the way up to university level.  I also train English teachers in schools around Thailand.

As an English teacher / trainer, my day-to-day routine is quite fun.  Some months, in the high season, I teach English to high school students in grade 12, to prepare them for the national standardized test.  We called it in short ONET.  And other months, I have to fly to the South of Thailand to train elementary and secondary English teachers.  I also do other kinds of projects, such as the English through Drama project.  It is called “English Superfun”.  My team and I work with other schools and organisations throughout the country.  With this kind of dynamic schedule, it keeps me fresh and eager to teach, to encourage, and to inspire my students to be better every day.


I’ve worked with people one-on-one, all the way up to 750 students at a time in big halls.

With the small groups, I enjoy taking care of each individual, and making sure each person gets my individual attention.  And for a big group or large class, we also enjoy the energy and excitement that the students bring to the class.




Q2:  What’s your style of teacher?

Most of the time, my teaching style is fun, enthusiastic, and very, very participative.  I like to have conversations in my big classes.  And that’s important for Thai students.  Traditionally, in Thai culture, both students and teachers have been trained to stick to their societal roles quite rigidly.

(Teachers are supposed to stand in front of the classroom and transfer their knowledge to the best of their ability.  It’s not their fault; it’s just Thai culture.)

Teachers are supposed to be the experts, while the students are expected to just keep quiet, and have no say, even if sometimes they don’t understand, or the teacher misspeaks, or something is not clear.  It’s much more teacher-centered.  The result is that Thai students study English for years, and never achieve even basic fluency.


So I thought, ”What can I change?  How can I get my students to be more active, to be active learners?”  So, I decided to do things differently, to think differently.  So, I changed my teaching style to be more of an “Edutainer”. I like to see my students smiling, laughing, and learning at the same time.  

I enjoy hearing my students’ opinions.  I love class participation.  And most of all, I think learning should be fun, happy, and challenging. 

Whenever I see even the students in the back, or the weaker students, trying to participate, and not giving up, and actually being eager to join the activity, I feel as though I’ve accomplished my goal. 

Especially when a teacher comes to me at the end of the class, and thanks me for changing the attitudes of the underperforming students, and showing them that English is NOT that hard, and that they CAN do it, and I see them WANTING to do it, then I really feel like I’ve made a difference, yes.


Q3: What’s your favorite moment in teaching?

The most rewarding part of my career – the part I'm most proud of  – came when my colleagues and I created our “English Superfun: Learning English through Drama” program, and started helping Nakhonnonvitaya (Wat Tai Muang) school’s students learn English through drama activities.  When we first started the program, some of the children had trouble even reading in English, let alone writing or speaking.  Many of them were very shy, and scared to try.  But through the use of drama techniques, and participation in short plays, and other activities, they eventually came out of their shells, and just blossomed.  I watched them grow up, in a way, and become much more confident in their abilities.  To the point that, today, they are outgoing, and confident, and very proactive, actually, about speaking and using English.  And I'm happy to say that we have won the national drama championship for the last two years in a row.  And that's been just a complete thrill for them. That kind of thing used to be beyond their dreams.  But now, they're national champions!










Q4: How have you changed yourself after teaching for several years?

As you can see, teaching has not only changed other people’s lives, but my life also.  Ever since I started teaching, I have always felt like I started late, and that I needed to learn more about ESL.  So, a few years ago, I decided to go back to school, and enroll in the Faculty of Education, majoring teaching English, at Ramkhamhaeng University.  It was a great decision.  I’ve learned a lot from the professors, who are very knowledgeable.  I have met lots of new friends who are passionate about becoming English teachers.  And I do other things to keep learning, as well.  I also attend seminars and international conferences to keep myself up-to-date.  I try the teaching techniques that I’ve learned in the classes.  And I discover my own techniques for helping my weaker students with their challenges.  And whenever I have the opportunity, I constantly try to improve myself, or do something a different way, to master new teaching skills.  So, I guess you could consider me a life-long learner. 


I believe that, once you are a teacher, you need to be willing to dedicate yourself to others, to share your passion, and to be someone who will transform your students into better people, because, in a way, the calling of a teacher is not just to teach, really, // it’s to love, to share, and to inspire.  That’s why my name is Kru Oat.  In Thai, the word “Kru” means “teacher”, a hard working person.