วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Positive Thinking: New Drive for Success การคิดบวก: พลังขับเคลื่อนใหม่สู่ความสำเร็จ

ยินดีต้อนรับสู่บล็อคครูโอ๊ต ชานุกฤต เธียรกัลยา นะครับ

วันนี้เราจะมาพูดถึง พลังแห่งการคิดบวกกัน ว่ามันน่าสนใจและมีความสำคัญกับชีวิตของคนเราอย่างไร

โดยธรรมชาติของครูโอ๊ตแล้ว โชคดีที่เป็นคนคิดบวกมาตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นไปอย่างไรเหมือนกันครับเพราะสมัยนั้น คำเก๋ๆอย่าง คิดเชิงบวก คิดเชิงสร้างสรรค์ หรือทัศนคติบวก ยังไม่ปรากฎแพร่หลายเหมือนอย่างในปัจจุบันนี้ ครูโอ๊ตรู้แต่ว่าเราแค่พยายามให้กำลังใจตัวเอง หากเจอปัญหาและอุปสรรค และพยายามมองสิ่งๆเดียวกันกับที่คนอื่นมองและกำลังบ่นอยู่ในในมุมมองใหม่ๆ ในมุมมองที่ดี ในมุมมองเชิงบวก

 ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ตอนที่ครูโอ๊ตเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตัวเองเรียนสายวิทย์ (ห้องควีนด้วยนะ) เพราะถูกปลูกฝังมาว่า เรียนสายวิทย์แล้วจะเลือกคณะได้มากว่าสายศิลป์ ทั้งๆที่ตัวเองไม่ชอบฟิสิกส์ ชีววิทยาเลย แต่ชอบวิชาภาษาอังกฤษมาก เล่าย่อๆว่าเหลือเวลาอีกแค่ 3 เดือนก่อนสอบเอ็นทร้าน (ในสมัยนั้น...โอ้ย ยิ่งเล่ายิ่งรู้ว่าแก่) เรารู้ตัวแล้วว่าถ้าจะไปสอบสู้กับคนอื่นๆที่เก่งสายวิทย์ต้องไม่ได้แน่เลย เลยพยายามมองมุมใหม่ และหาจุดแข็งของตัวเองให้เจอและพบว่าเป็นคนที่ชอบภาษาอังกฤษมากกว่าวิชาฟิสิกส์ เลยตัดสินใจเงียบๆเปลี่ยนไปสอบสายศิลป์คำนวณแทน ทั้งๆที่ยังต้องเรียนสายวิทย์ควบคู่ไปได้ ครูเลยตัดสินใจลงเรียนพิเศษอย่างบ้าระห่ำและอ่านหนังสือเองจนกระทั้งสอบติดเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ (ครูเลือกไว้อันดับหนึ่ง)

สิ่งที่ครูโอ๊ตกำลังจะบอกก็คือ ในระหว่างที่เตรียมตัวสอบซึ่งเวลาก็เหลือน้อยมาก บางครั้งครูเองก็รู้สึกหวั่นใจและเป็นกังวลกับการตัดสินใจ แต่ครูได้ความคิดบวกที่ซ่อนอยู่ใต้จิตสำนึกที่คอยพร่ำบอกกับตัวเองว่า "เราต้องทำได้ เราต้องทำได้" อย่างงี้ตลอดเวลา อีกทั้งการให้กำลังใจตัวเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญในการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งที่ยากและท้าทาย ทั้งการคิดบวกและให้กำลังใจตัวเองจะทำให้คุณก้าวผ่านสิ่งที่คิดว่าเ็ป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้อย่างน่ามหัศจรรย์

เรายังสามารถนำเรื่องของการคิดบวก มาประยุกต์ใช้กับการทำงานเช่นกันครับ

เมื่ออาทิตย์ก่อน ในที่ประชุมบริษัททุกวันจันทร์ เจ้านายบอกกับที่ประชุมว่า พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่ มีกันอยู่ตั้ง 20 คนในห้องแต่ไม่สามารถทำงานที่เด็กอายุเพียงแค่ 18 ทำได้เพียงคนเดียว และทำได้ดีด้วยในการโปรโมตตัวเองบนยูทูป (เจ้านายกำลังพูดถึงเด็กที่ชื่อ พุด ที่ร้องเพลงได้ปวดตับมากๆ เสียงก็ไม่ได้เรื่อง ร้องเสียงหลงอย่างชนิดว่า ฟังแทบไม่รู้เลยว่าเพลงออริจินอลเค้าร้องยังงัย) เจ้านายพูดต่อว่า สิ่งที่พวกคุณกำลังทำมา 2-3 เดือนนี้มันไม่ได้ผล และอยากให้คุณเปลี่ยนความคิดใหม่เพราะต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง จากนั้นในห้องกลายเป้นป่าช้าเงียบสงัด  ครูสังเกตุว่าทุกคนในที่ประชุมรู้สึกเครียดกับคำพูดของเจ้านาย เพื่อนๆในทีมคงพยายามจะบอกว่า พวกเค้าทำดีที่สุดแล้ว และทำงานกันหนักมาก พวกเค้าพูดไม่ออก แต่ครูโอ๊ตจับความรู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังท้อและหมดกำลังใจและกำลังคิดว่าทำไมเจ้านายต้องว่าด้วยในเมื่อทุกคนทำตามที่เจ้านายสั่ง

ในที่ประชุม ขณะนั้น ทุกคนหลบสายตาเจ้านาย รวมตัวกันมองต่ำกันหมด ก้มหน้าก้มตา มองที่บีบี หรือ Laptop  ยกเว้นครูโอ๊ต 5555 นั่งเชิดหน้า มองตาเจ้านายและยิ้มเล็กๆเพื่อแสดงให้เห็นว่า เห็นด้วยกับที่เจ้านายพูด ครูไม่ไุด้ทำเพราะต้องการประจบ แต่ครูทำเพราะครูมองในเชิงบวก และเปิดรับกับคำพูดที่ฟังดูมีเหตุและมีผลต่างหาก ครูมีความรู้สึกว่าที่เจ้านายพูดเพราะเค้ารู้สึกอยากให้เราคิดนอกกรอบ ลองวิธีใหม่ๆจริงๆ ที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์มหาศาล และครูเชื่อว่าถ้าทุกคนหายเศร้าจากการถูกดุแล้ว ก็คงคิดได้เช่นเดียวกันว่า เจ้านายท่านบอกให้เรามองต่างมุม ให้เราหยุดกับวิธีการเดิมๆมี่ไม่ได้ผล แล้วลองมองหาสิ่งใหม่ที่จะทำให้ product ตัวนี้ประสบความสำเร็จ โดยที่ไม่ต้องทำงานหนักกับวิธีการเดิมๆ

บางคนบอกว่า ก็ครูโอ๊ตไม่ได้โดนด่าตรงๆนี่หน่า ครูก็เลยมองบวกได้สิครับ งั้นครูขอยกตัวอย่างในกรณีของครูเองโดยตรงละกัน คือว่า หลังจากประชุมเสร็จ 2-3 วันต่อมา ครูได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคลบอกว่า จะขอตัดงบในส่วนที่เป็นค่าจ้างครูโอ๊ต แน๊ะ เห็นไหม๊ว่าโดนตัดเงินเต็มๆ 5555 แต่ครูกลับมองว่า ไม่เป็นไร เพราะว่าตอนนี้ถ้าเราช่วยบริษัทประหยัดงบได้ ก็ช่วยๆไป เ แล้วเราคิดค่าจ้างของเราเป็นโปรเจ็คดีกว่า จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งครูมองว่าก็ยุติธรรมดี win-win  ถ้าเรามองลบแล้วก็น้อยใจหรือไปโวยวาย ครูรับรองว่าผลลัพธ์อาจจะ lose-lose ก็ได้ ตราบใดที่ครูและบริษัทให้เกียรติซึ่งกันและกัน และไม่เอาเปรียบกัน เราก็ทำงานได้อย่างสุขใจ สบายใจ

จาก 3  ตัวอย่างนี้ ครูโอ๊ตอยากจะสรุปง่ายๆว่า การคิดเชิงบวก สามารถทำให้มุมมองของเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเป็นวิธีการที่ทำให้คนเรามองต่างจากมุมมองเดิม และควรจะเป็นการมองในแง่ดีที่ทำให้เรารู้สึกว่าดี เพราะหากเราคิดบวก มองบวก สุดท้ายแล้วตัวเราเองที่มีความสุขและมีพลังในการแก้ไขปัญหาและความท้าทายที่เราต้องเผชิญ

บล็อคหน้า ครูโอ๊ตจะบอกเคล็ดลับวิธีการฝึกมองเชิงบวกให้ผู้สนใจอ่านกันนะครับ รับรองว่าทุกคนทำได้แน่นอนครับ

 Never Stop Learning~
ครูโอ๊ต
ชานุกฤต เธียรกัลยา







.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น